อีกหนึ่งปัญหาใหญ่ระดับโลกที่กำลังก่อตัวอย่างเงียบๆ ของคนยุคใหม่ที่เกิดมาพร้อมกับความก้าวหน้าของเทคโนโลยี กับการผูกจิตไว้บนโลกออนไลน์ และอยู่ในโลกที่มีแต่ความวิตกกังวลจนเป็นพิษ

จากข้อมูลผลสำรวจระดับชาติด้านการใช้ยา และสุขภาพของสหรัฐอเมริกา พบว่า กราฟแสดงให้เห็นว่า พบอาการซึมเศร้าในเด็กผู้หญิงเพิ่มขึ้นถึง 145% และเด็กผู้ชายมีอัตราการเพิ่มขึ้นที่ 161% นับตั้งแต่ปีตั้งแต่ปี 2010

นอกจากนี้ นักศึกษามหาวิทยาลัยยังได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรควิตกกังวลเพิ่มมากขึ้นถึง 134% โรคซึมเศร้าเพิ่มขึ้น 106%, โรคสมาธิสั้น(ADHD)เพิ่มขึ้น 72% ไบโพล่าเพิ่มขึ้น 57% การเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของปัญหาสุขภาพจิตส่วนมากอยู่ในกลุ่ม Gen Z ที่เติบโตมาพร้อมกับเครื่องมือสมาร์ทโฟนทั้งโดพามีนจากแจ้งเตือนการออนไลน์ตลอดเวลา ตั้งแต่ตื่นนอนจนส่งผลต่อพัฒนาการและสุขภาพจิตอย่างลึกซึ้ง

จากผลสำรวจดังกล่าว นักวิจัยวินิจฉัยว่า สมาร์ทโฟนคือเบื้องหลังปัญหาสุขภาพจิตของเด็กและวัยรุ่น ในช่วงศตวรรษ 2000 เพราะเราเริ่มใช้สมาร์ทโฟนตั้งแต่ปี 2007 และใช้กันอย่างแพร่หลายหลังปี 2010 จึงทำให้การมีปฏิสัมพันธ์ของมนุษย์เปลี่ยนแปลงไปเมื่อใช้สมาร์ทโฟนวัยรุ่นที่เติบโตในช่วงรอยต่อที่สมาร์ทโฟนแพร่หลาย มีแนวโน้มที่จะมีความทุกข์มากกว่าคนใน Gen ก่อนหน้านั้น เพราะ Gen Z พาตัวเองไปใช้ชีวิตอยู่ในโลกออนไลน์ตลอด 24 ชม.

ทั้งที่วัยเด็กควรจะเป็นวันที่เล่นได้อย่างอิสระ เพราะการเล่นส่งเสริมพัฒนาการหลายด้าน การใช้สมาร์ทโฟนทำให้เวลาแห่งการเรียนรู้โลกกว้างขาดหายไป เช่น การออกกำลังกาย การวิ่งเล่น ปั่นจักรยานกับเพื่อน ฯลฯ

ทางวิทยาศาสตร์เผยว่า มนุษย์มีวัยเด็กที่ยาวนานกว่าสัตว์ชนิดอื่นบนโลกใบนี้ และเหตุผลสำคัญสำหรับการพัฒนาการในวัยเด็กของมนุษย์ที่ช้านั้นก็เพื่อทำให้สมองได้ผ่านกระบวนการการเรียนรู้ที่สำคัญ ซึ่งเป็นการเชื่อมโยงของสมองในวัยที่กำลังพัฒนาผ่าน 3 สิ่ง คือ 1.การได้เล่นอย่างอิสระ 2.การตอบสนองความต้องการ 3.การเรียนรู้ทางสังคม

ผลกระทบจากการใช้ชีวิตกับสมาร์ทโฟนมากเกินไปทำให้เด็กๆ เรียนรู้สิ่งต่างๆ จากโซเชียลมีเดียมากกว่า การมีส่วนร่วมทางสังคมกับมนุษย์ในชีวิตจริง รวมถึงการให้คุณค่ากับการยอมรับทางสังคมผ่าน ยอดวิว ยอดไลค์ คอมเมนต์ต่างๆ โดยจะผูกความสุข และความเศร้ากับสิ่งต่างๆ เหล่านี้ และเด็กจะเลียนแบบจากต้นแบบบนโลกออนไลน์ รวมถึงคอนเทนต์ที่ชื่นชอบ

อย่างไรก็ตามเด็กทุกช่วงวัยจำเป็นต้องได้รับประสบการณ์จากโลกจริงมากขึ้น และจากหน้าจอน้อยลง เพื่อให้เด็กมีพัฒนาการที่เหมาะสมกับวัย โดยพ่อแม่ควรจะจำกัดเวลาในการใช้เวลาบนหน้าจอของลูกเพื่อให้เขาได้ใช้เวลาเรียนรู้ในโลกจริงอย่างเพียงพอ และตัวพ่อแม่เองก็ต้องเข้มงวดกับตนเองในการใช้จอด้วย เพื่อใช้เวลาสร้างเสริมการเรียนรู้ให้ลูกมากยิ่งขึ้น และช่วงเวลาเหมาะสมที่เด็กจะจัดการแอคเคาน์ตนเองบนโซเชียลมีเดียได้ คือเมื่อลูกอายุ 16 ปี เป็นต้นไป

ที่มา : หนังสือ The Anxious Generation: How the Great Rewiring of Childhood Is Causing an Epidemic of Mental Illness by Jonathan Haidt และข้อมูลผลสำรวจระดับชาติด้านการใช้ยาและสุขภาพของสหรัฐอเมริกา

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้ที่จำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ (Strictly Necessary Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้มีความสำคัญต่อการปฏิบัติการของเว็บไซต์ feedforfuture.co ซึ่งจะช่วยให้ท่านสามารถเข้าถึงข้อมูลและเนื้อหาต่างๆ ของเว็บไซต์เราได้ทุกส่วน โดยเฉพาะส่วนสมาชิกผู้ใช้งานของเว็บไซต์ ตลอดจนการตรวจสอบจำนวนผู้เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเรา

  • คุกกี้ด้านประสิทธิภาพการทำงานของเว็บไซต์ (Performance Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้ใช้เพื่อรวบรวมข้อมูลทางสถิติเกี่ยวกับการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน เพื่อวิเคราะห์ และช่วยให้เราทราบถึงพฤติกรรมการใช้งาน ซึ่งจะช่วยปรับปรุงการทำงานของเว็บไซต์เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดในการใช้งานบนเว็บไซต์ของเรา

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาเข้ากับกลุ่มเป้าหมาย (Targeting Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้ใช้ในการบันทึก และจดจำคุณลักษณะต่างๆ ที่ท่านได้เลือกขณะเข้าชมเว็บไซต์ของเรา เช่น หมวดหมู่ และเนื้อหาที่ท่านชอบอ่านมากที่สุด เราจะบันทึกข้อมูลเหล่านี้ และนำกลับมาใช้เมื่อท่านกลับเข้ามาที่เว็บไซต์ของเราอีกครั้ง เพื่อปรับให้ท่านได้รับชมเนื้อหาได้ตรงกับความชอบของท่านให้มากที่สุด

  • คุกกี้เพื่อนำเสนอโฆษณาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย (Advertising Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้ใช้เพื่อจดจำพฤติกรรมการอ่านเนื้อหาบนเว็บไซต์ของท่าน รวมถึงรายละเอียดของอุปกรณ์ที่ท่านใช้ เพื่อนำไปใช้วิเคราะห์การนำเสนอโฆษณาที่เหมาะสมกับท่านมากที่สุด และช่วยวัดความมีประสิทธิผลของโฆษณาที่เรานำเสนอด้วย ตลอดจนช่วยป้องกัน หรือจำกัดจำนวนครั้งที่ท่านจะเห็นโฆษณาเดิมซ้ำๆ

บันทึก