COVID-19 (โควิด-19) โรคระบาดที่ทำร้ายประชาชนทั่วโลกมากว่า 2 ปีแล้ว โดยนอกจากจะสร้างความเสียหายต่อร่างกายที่ตัวเชื้อนั้นลงไปทำลายปอด ระบบหายใจ จนก่อให้เกิดโรคที่ติดตามมาอีกมากมาย จนสุดท้ายแล้วต้องสังเวยชีวิตของผู้ป่วยไปมากมาย นอกจากนั้นยังทำให้เศรษฐกิจทั่วโลกต้องชะงัก จากการที่ผู้คนไม่สามารถเดินทางไปไหนมาไหนได้อย่างเสรีในช่วงแรก การค้าขายต่างๆที่ต้องเปลี่ยนแปลงเพื่อปรับตัวเข้ากับโลกในช่วงที่มี โควิด-19

ระยะเวลาผ่านมากว่า 2 ปี ชาวโลกพยายามอย่างที่สุดเพื่อจะหาทางออกกับโรคระบาดที่ร้ายแรงในครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นการค้นหาวัคซีนที่มีที่มาของการสร้างมากมาย ซึ่งผลที่ได้ก็ทำให้คนทั่วโลกสามารถกลับมาใช้ชีวิตที่เกือบจะปกติได้อีกครั้ง สามารถลดการเสียชีวิตไปได้มาก แต่ปัจจุบันสิ่งที่เหล่านักวิจัยกำลังศึกษาก็เห็นจะหนีไม่พ้นการหาตัวยาที่จะมารักษาโควิด-19 ที่เมื่อได้รับเชื้อแล้วต้องใช้เวลารักษาที่ค่อนข้างนานหลายวัน

โควิด-19 ทำร้ายเศรษฐกิจโลกยับ

ยา Molnupiravir ( โมลนูพิราเวียร์ ) เป็นยาต้านไวรัสที่ผลิตโดย Merck, Sharp และ Dohme (MSD) โดยยาต้านไวรัสนี้ถูกทดลองกับกลุ่มตัวอย่างผู้ป่วยโควิดที่ได้รับวัคซีนจำนวนกว่า 25,000 คน ซึ่งพบว่าสามารถลดระยะการพักฟื้นได้ ผู้ทดลองเป็นกลุ่มคนไข้ที่ได้รับเชื้อโควิดชนิดโอไมครอน จะได้รับยาวันละสองครั้ง เป็นระยะเวลา 5 วัน  นอกจากนี้กลุ่มทดลองที่ถูกเลือกยังเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงต่อการเสียชีวิต หรือต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลจากโควิด เนื่องจากอายุหรือสภาวะสุขภาพไม่แข็งแรง ในการทดลองยานี้ ผู้ที่รับยาจะถูกนำไปเปรียบเทียบกับกลุ่มผู้ติดเชื้อที่รักษาตัวผ่านกระบวนการมาตรฐาน การทดลองนี้ดำเนินการเพื่อสนับสนุนการศึกษาก่อนหน้านี้เกี่ยวกับโมลนูพิราเวียร์ ซึ่งแนะนำว่ามีประสิทธิผลในการลดการรับเข้ารักษาในโรงพยาบาลของผู้ป่วยโควิดเล็กน้อยถึงปานกลาง

ผลจากการทดลองในครั้งนี้ แสดงให้เห็นว่าการรักษาช่วยลดเวลาพักฟื้นประมาณสี่วัน และยังลดปริมาณไวรัสไปจนถึงระดับของการติดเชื้อ  โดยแม้จะช่วยฟื้นฟู แต่ยานี้ไม่ได้ลดอัตราการเสียชีวิตหรือการเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล อย่างไรก็ตาม ยานี้ไม่เหมาะสำหรับประชากรทั้งหมด แต่ในสถานการณ์ที่วิกฤตสามารถช่วยชีวิตผู้ป่วยได้ ทำให้โมลนูพิราเวียร์เป็นยาต้านไวรัสตัวแรกที่ทำการศึกษาเพื่อใช้รักษาโควิดในชุมชน หมายความว่ายาดังกล่าวต้องรับประทานเองที่บ้านมากกว่าที่สถานพยาบาล

ผู้ป่วยโควิด-19

คริส บัตเลอร์ ศาสตราจารย์ด้านการดูแลเบื้องต้นใน Nuffield Department of Primary Care Health Sciences กล่าวว่า “การค้นหาวิธีรักษาโควิด-19 ที่มีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และปรับขนาดการรักษาในชุมชน ถือเป็นแนวหน้าที่สำคัญลำดับต่อไปในการตอบสนองโรคระบาดโควิด”  

“แต่การตัดสินใจว่าจะรักษาใคร ควรขึ้นอยู่กับหลักฐานทางการแพทย์ที่เกี่ยวข้องคนไข้ที่ควรได้รับยามากที่สุด” คริส บัตเลอร์ กล่าว

 อดีตรองหัวหน้าเจ้าหน้าที่การแพทย์ของอังกฤษ ศ.เซอร์ โจนาธาน แวน-แทม ซึ่งเป็นรองอธิการบดีคณะแพทยศาสตร์และวิทยาศาสตร์สุขภาพแห่งมหาวิทยาลัยนอตติงแฮมและผู้ร่วมวิจัยกล่าวว่า “ในขณะที่พบ Molnupiravir ในช่วงเริ่มแรก ทำงานได้ดีเพื่อลดการรักษาในโรงพยาบาลของผู้ป่วยโควิด ซึ่งเป็นผู้ป่วยที่ไม่ได้รับการฉีดวัคซีน”

แต่สิ่งที่น่าเก็บมาคิดคือการที่ ศ.เซอร์ โจนาธาน แวน-แทม กล่าวต่อไปว่า “การวิจัยล่าสุดนี้ ได้ทำให้เห็นว่าประชากรที่ได้รับวัคซีน มีการป้องกันจากวัคซีนที่ดีเยี่ยม จนไม่มีประโยชน์ที่ชัดเจนจากยาในแง่ของการลดการรักษาในโรงพยาบาลและการเสียชีวิต”

ศ.เซอร์ โจนาธาน แวน-แทม กล่าวทิ้งท้ายไว้ว่า “อย่างไรก็ตาม ระยะเวลาของการแสดงอาการและระบาดของไวรัสจะลดลงอย่างเห็นได้ชัด และเราต้องรออีกนาน กว่าจะทราบว่ามันจะมีผลกระทบที่เห็นได้ชัดกับ โควิดในระยะยาว (Long Covid)หรือไม่”

ศ.เซอร์ โจนาธาน แวน-แทม

เป็นที่น่าติดตามกันว่า หลังจากนี้ประชากรทั่วโลกจะได้รับกระบวนการรักษาโรคโควิด-19 ที่ชัดเจนและเข้าถึงการรักษาง่ายขึ้นหรือไม่ ประเทศไทยเองเมื่อโลกมีกระบวนการการรักษาที่ชัดเจนแล้ว ประชาชนในประเทศจะสามารถเข้าถึงการรักษาโควิด-19 ได้อย่างเท่าเทียมหรือไม่ ยังเป็นเรื่องที่รัฐคงต้องออกมาให้คำตอบกันต่อไป

แหล่งที่มาและข้อมูล: BBC


หากคุณผู้อ่านกำลังสนใจบทความเกี่ยวกับสุขภาพ อ่านที่นี่ได้เลยครับ

Straight roads are for fast cars, turns are for fast drivers.

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้ที่จำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ (Strictly Necessary Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้มีความสำคัญต่อการปฏิบัติการของเว็บไซต์ feedforfuture.co ซึ่งจะช่วยให้ท่านสามารถเข้าถึงข้อมูลและเนื้อหาต่างๆ ของเว็บไซต์เราได้ทุกส่วน โดยเฉพาะส่วนสมาชิกผู้ใช้งานของเว็บไซต์ ตลอดจนการตรวจสอบจำนวนผู้เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเรา

  • คุกกี้ด้านประสิทธิภาพการทำงานของเว็บไซต์ (Performance Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้ใช้เพื่อรวบรวมข้อมูลทางสถิติเกี่ยวกับการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน เพื่อวิเคราะห์ และช่วยให้เราทราบถึงพฤติกรรมการใช้งาน ซึ่งจะช่วยปรับปรุงการทำงานของเว็บไซต์เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดในการใช้งานบนเว็บไซต์ของเรา

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาเข้ากับกลุ่มเป้าหมาย (Targeting Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้ใช้ในการบันทึก และจดจำคุณลักษณะต่างๆ ที่ท่านได้เลือกขณะเข้าชมเว็บไซต์ของเรา เช่น หมวดหมู่ และเนื้อหาที่ท่านชอบอ่านมากที่สุด เราจะบันทึกข้อมูลเหล่านี้ และนำกลับมาใช้เมื่อท่านกลับเข้ามาที่เว็บไซต์ของเราอีกครั้ง เพื่อปรับให้ท่านได้รับชมเนื้อหาได้ตรงกับความชอบของท่านให้มากที่สุด

  • คุกกี้เพื่อนำเสนอโฆษณาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย (Advertising Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้ใช้เพื่อจดจำพฤติกรรมการอ่านเนื้อหาบนเว็บไซต์ของท่าน รวมถึงรายละเอียดของอุปกรณ์ที่ท่านใช้ เพื่อนำไปใช้วิเคราะห์การนำเสนอโฆษณาที่เหมาะสมกับท่านมากที่สุด และช่วยวัดความมีประสิทธิผลของโฆษณาที่เรานำเสนอด้วย ตลอดจนช่วยป้องกัน หรือจำกัดจำนวนครั้งที่ท่านจะเห็นโฆษณาเดิมซ้ำๆ

บันทึก