โดย : พอล เฮง
‘การจากไปด้วยวัย 76 ปี ของ “ออสซี ออสบอร์น” ผู้ถูกตั้งสมญานามว่าเป็น ‘พ่อทูนหัวแห่งดนตรีเฮฟวีเมทัล’ (Godfather of Heavy Metal) ซึ่งเป็นพิมพ์เขียวของดนตรีสมัยนิยมพาณิชย์ศิลป์ของโลกตะวันตกผ่านการฟังเพลงของคนสหราชอาณาจักรและอเมริกัน รวมถึงคนทั้งโลก โดยเฉพาะดนตรีฮาร์ดร็อกและเมทัลสาขาต่างๆ ว่าเขาเป็นหนึ่งในต้นทางผู้รังสรรค์และบุกเบิก ส่วนในเมืองไทย ร็อกเกอร์ คนที่ได้รับแรงบันดาลใจและอิทธิพลมาแบบเต็มที่และกลายเป็นไอคอนของเฮฟวีเมทัลไทยเบอร์ 1 นั่นคือ “โป่ง-ปฐมพงศ์ สมบัติพิบูลย์”
“…. ขอโทษนะ ช่วยบอกวิธีออกไปจากที่นี่ได้ไหม”
ฮ่าๆๆ
ฉันอยากกลับบ้าน…. “
นั่นคือท่อนหนึ่งในเนื้อร้องของบทเพลง ‘Patient Number 9’ สตูดิโออัลบัมชุดที่ 13 ชุดสุดท้ายของ ออสซี ออสบอร์น (Ozzy Osbourne) ที่ออกมาในปี 2022

3 ปีเต็มที่เขาอยู่ในความเจ็บปวดทรมานของอาการเรื้อรังในความป่วยไข้ตามอายุขัย เขาได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคพาร์กินสันในเดือนกุมภาพันธ์ 2019 ซึ่งต่อมาก็ได้เปิดเผยต่อสาธารณะในเดือนมกราคม 2020 ออสซีได้สูญเสียความสามารถในการเดินอย่างปกติ กล้ามเนื้ออ่อนแรงเนื่องจากโรคนี้ นอกจากนี้เขายังมีอาการชี้ชัดถึงโรคถุงลมโป่งพองอีกด้วย
ออสซี ออสบอร์น เสียชีวิตในเช้าวันที่ 22 กรกฎาคม 2025 ที่ผ่านมา ขณะมีอายุได้ 76 ปี เพียง 17 วันหลังจากการแสดงสดครั้งสุดท้ายของเขาในคอนเสิร์ตอำลาเวทีของเขา ‘Back to the Beginning’ คำแถลงของครอบครัวยืนยันว่า ออสซีถูกล้อมรอบไปด้วยครอบครัวในขณะที่เขาเสียชีวิตในเบอร์มิงแฮม
“ด้วยความโศกเศร้ายิ่งกว่าคำพูดใดๆ ที่จะบรรยายได้ เราต้องแจ้งให้ทราบว่า ออสซี ออสบอร์น ผู้เป็นที่รักของเราได้เสียชีวิตลงแล้วในเช้าวันนี้” ครอบครัวของเขากล่าวในแถลงการณ์
“เขาอยู่กับครอบครัวและรายล้อมไปด้วยความรัก เราขอให้ทุกคนเคารพความเป็นส่วนตัวของครอบครัวเราในเวลานี้” ชารอน แจ็ค เคลลี เอมี และหลุยส์ ออสบอร์น

การถูกยกย่องเชิดชูว่าเป็นผู้บุกเบิกซาวด์ดนตรีที่หนักหน่วง บรรยากาศมืดมน และเนื้อเพลงที่มักเกี่ยวข้องกับเรื่องราวลึกลับ ปีศาจและสิ่งเหนือธรรมชาติ เวทมนตร์ ความตาย ความชั่วร้าย สงคราม และประเด็นทางสังคมที่มืดมน ชวนขนลุก ซึ่งทำให้ผู้ชมรู้สึกหวาดกลัวและตื่นเต้นไปพร้อมๆ กัน ในช่วงแรกๆ ผู้ชมโดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่นหญิงจะกรีดร้องและตกใจอย่างมาก
จากการแสดงบนเวทีที่ดุดัน บุคลิกที่แปลกประหลาด และเนื้อเพลงที่สร้างความหวาดกลัวให้กับผู้ฟัง ทำให้ผู้คนเริ่มเรียกออสซีว่า “Prince of Darkness” ซึ่งเป็นคำที่ใช้เรียกซาตานหรือปีศาจมาตั้งแต่สมัยโบราณมาจากภาษาละติน “Princeps Tenebrarum”
นักร้องนำของคณะแบล็ก ซับบาธ (Black Sabbath) และทำงานเดี่ยวของตัวเอง ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้บุกเบิกและวางรากฐานให้กับดนตรีแนวฮาร์ดร็อกและเฮฟวีเมทัล ด้วยซาวด์ที่หนักหน่วง มืดหม่น กีตาร์ริฟฟ์ที่โดดเด่น และเนื้อเพลงที่มักจะเกี่ยวข้องกับเรื่องราวลี้ลับดำมืด ความรุนแรง ที่สะท้อนภาพด้านลบของสังคม
ออสซีได้สร้างและกำหนดรากฐานของดนตรีฮาร์ดร็อกให้คลี่คลายไปสู่เฮฟวีเมทัล ให้เป็นแนวเพลงที่ชัดเจนและแตกต่าง สร้างบรรยากาศที่กดทับน่ากลัวและหนักแน่น เนื้อเพลงที่มืดมนและจริงจัง มักจะเกี่ยวกับสงคราม ความยากจน ความชั่วร้าย ลัทธินอกรีต หรือเรื่องราวสยองขวัญ ซึ่งแตกต่างจากเพลงร็อกแอนด์โรลทั่วไปในยุคนั้น และกลายเป็นต้นแบบและแรงบันดาลใจให้กับคณะดนตรีแนวฮาร์ดร็อกและเฮฟวีเมทัลนับไม่ถ้วนทั่วโลก คณะดนตรีแนวเมทัลชื่อดังทุกแขนงในยุคต่อมา ต่างก็ยอมรับว่าได้รับอิทธิพลจากแบล็ก ซับบาธ และออสซี โดยตรง ทำให้ออสซีมีสถานะเป็นเหมือนผู้อาวุโส หรือผู้ให้กำเนิดของแนวเพลงนี้

แม้ออสซี ออสบอร์นได้รับการยกย่องว่าเป็นสัญลักษณ์ของดนตรีฮาร์ดร็อก จากผลงานร่วมกับคณะแบล็ก ซับบาธ และงานเดี่ยวของเขาเอง และเป็นหนึ่งในผู้สร้างแรงบันดาลใจไปสู่ดนตรีเฮฟวีเมทัล แต่เขาไม่ชอบถูกจัดอยู่ในกลุ่มดนตรีเมทัล โดยกล่าวว่าแม้ว่าคณะของเขาจะเล่นดนตรีแบบหนักหน่วง แต่คณะดนตรีอื่นๆ ที่ถูกจัดอยู่ในกลุ่มดนตรีเมทัลกลับเล่นได้หนักหน่วงจริงๆ กว่ามาก
“เมื่อคุณถูกจำกัดขอบเขตด้วยแนวเพลงหนึ่ง การจะทำอะไรที่เบากว่านั้น หรือเล่นดนตรีอะคูสติก หรืออะไรก็ตามที่คุณอยากทำอาจเป็นเรื่องยากมาก ในอดีต ดนตรีร็อกก็ยังคงเป็นดนตรีร็อก และยังคงเป็นดนตรีร็อกอยู่ดี”
การได้รับฉายาว่า ‘พ่อทูนหัวแห่งเฮฟวีเมทัล’ (Godfather of Heavy Metal) เพราะบทบาทสำคัญและเป็นผู้บุกเบิกในการสร้างและกำหนดทิศทางของดนตรีแนวนี้ เหตุผลหลักๆ มาจากการบุกเบิกคิดค้นซาวด์ดนตรีร็อกที่วิวัฒน์สู่ความหนักหน่วง มืดหม่น กีตาร์ริฟฟ์ที่ช้าทรงพลังของมือกีตาร์ โทนี ไอออมมี (Tony Iommi) ที่มีสไตล์เฉพาะตัวจากการใช้นิ้วปลอม เนื่องจากอุบัติเหตุการทำงานในโรงงานแผ่นโลหะสมัยวัยรุ่น ไอออมมีสูญเสียปลายนิ้วกลางและนิ้วนางของมือขวาไป ทำให้ต้องลดสายกีตาร์ลงและใช้สายที่หนาขึ้น เนื้อเพลงที่มักเกี่ยวข้องกับความมืดมน สงคราม สังคม และเสียงร้องที่โดดเด่นของอองออสซีทำให้พวกเขาสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับดนตรีร็อกที่ดุดันยิ่งขึ้น

ก่อนหน้านี้ไม่มีแนวเพลงและเนื้อหาที่มืดหม่นสยองขวัญและการเล่นดนตรีร็อกหนักหน่วงสะท้านโสต แบล็ก ซับบาธ เป็นคณะดนตรีแรกๆ ที่รวมองค์ประกอบเหล่านี้เข้าด้วยกันอย่างชัดเจนและตั้งใจ สร้างสูตรของเฮฟวีเมทัลขึ้นมาอย่างไม่ตั้งใจ โดยมีมูลฐานจากดนตรีฮาร์ดร็อกของพวกเขา ผลงานของคณะแบล็ก ซับบาธ ในยุคแรกๆ กลายเป็นพิมพ์เขียวสำหรับคณะดนตรีแนวเฮฟวีเมทัลรุ่นหลังนับไม่ถ้วน คณะดนตรีเมทัลหลากแขนงชื่อดังมากมายในยุคต่อมาต่างก็ยอมรับว่าได้รับแรงบันดาลใจจากคณะแบล็ก ซับบาธ โดยตรง
ออสซีไม่เพียงแต่เป็นนักร้องนำ แต่ยังเป็นส่วนสำคัญในการสร้างภาพลักษณ์และบรรยากาศของวงที่เต็มไปด้วยความลึกลับและมืดหม่น ซึ่งกลายเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมเมทัล ในการเป็นศิลปินเดี่ยว เขายังคงสามารถสร้างสรรค์ผลงานที่ทรงอิทธิพลและคงความเกี่ยวเนื่องกับแนวเพลงเมทัลได้อย่างดีเลิศ ตอกย้ำถึงสถานะของเขาในฐานะผู้นำของวงการ ความโดดเด่นและเป็นที่จดจำ ไม่ว่าจะเป็นการใช้เครื่องแต่งกายสีดำ การแต่งหน้าแบบโกธิคมืดหม่น และพฤติกรรมที่เหนือความคาดหมาย เช่น เหตุการณ์กัดหัวค้างคาวเลือดกระฉูดบนเวทีจนกลายเป็นตำนาน ทำให้เขากลายเป็นสัญลักษณ์ของแนวเพลงนี้ และถูกขนานนามว่าเป็น ‘เจ้าชายแห่งความมืดมิด’ (Prince of Darkness) ก่อนที่จะมาเป็น ‘พ่อทูนหัวแห่งเฮฟวีเมทัล’ และเป็นอิทธิพลอันยาวนานที่ รวมถึงภาพลักษณ์และบุคลิกที่เป็นไอคอนของวงการ
นอกจากนี้ การที่เขายังคงสามารถผลิตผลงานเมทัลคุณภาพสูงและได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง ตอกย้ำถึงความสำคัญและสถานะของเขาในวงการเมทัล

ความตายของออสซี ทำให้คิดถึงอิทธิพลทางดนตรีและแรงบันดาลใจที่เขาส่งต่อไปสู่นักร้องและนักดนตรีฮาร์ดร็อกและเมทัลในแขนงต่างๆ ทั่วโลก หนึ่งในนั้นก็คือ “โป่ง-ปฐมพงศ์ สมบัติพิบูลย์” (โป่ง นาออน / โป่ง อินเฟอร์โน / โป่ง โซดา / โป่ง หิน เหล็ก ไฟ / โป่ง เดอะ ซัน) ร็อกเกอร์ระดับตำนานของไทย
เขาได้รับขนามนามว่า ‘ออสซี ออสบอร์น เมืองไทย’ (Thai Ozzy Osbourne) โป่งสามารถสถาปนาปักหลักให้บทเพลงเฮฟวีเมทัลในเมืองไทย (เนื้อร้องภาษาไทย) ขึ้นสู่ดนตรีกระแสหลักวงกว้างในเมืองไทยได้อย่างยอดเยี่ยม สร้างปรากฏการณ์และเปิดประตูให้บทเพลงแนวเฮฟวีเมทัลหลุดออกจากคนฟังเฉพาะกลุ่มและเป็นบทเพลงยอดนิยมของคนฟังโดยทั่วไป และมีอิทธิพลต่อนักร้องและนักดนตรีสายเมทัลรุ่นหลังในเมืองไทยมากมายเช่นกัน
โป่ง-ปฐมพงศ์ เป็นนักร้องและนักแต่งเพลงหลักของคณะเฉกเช่นเดียวกับ ออสซี ออสบอร์น ถือเป็นเสาหลัก กระดูกสันหลัง และมันสมองของคณะ มีกลวิธีหรือเทคนิคการร้องมีสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ เสียงแหลมสูงแผดก้องที่ฟังดูหวาดหวั่นและเต็มไปด้วยพลัง ช่วยเสริมบรรยากาศโดยรวมของเพลง และมีความสามารถในการควบคุมเสียงและการแสดงอารมณ์ที่โดดเด่นบนเวทีด้วยบุคลิกบนเวทีที่ดุดัน เข้าถึงอารมณ์เพลงแนวเฮฟวีเมทัลและฮาร์ดร็อกได้อย่างเต็มสูบเช่นเดียวกัน แม้แก้วเสียง เส้นเสียง เนื้อเสียง จะแตกต่างกันก็ตาม แต่โป่งสามารถรักษาจิตวิญญาณและแนวทางการร้องของออสซีจนคลี่คลายเป็นตัวของตัวเองในแบบภาษาไทยได้อย่างยอดเยี่ยม และเห็นได้ทางความคิดในการเขียนเพลงที่มีเนื้อหาสื่อสารออกมาได้ดีไม่แพ้กัน

คงไม่ต้องกล่าวถึงวิธีการเขียนเพลง ดนตรี และการแสดงบนเวที ของโป่ง-ปฐมพงศ์ เพราะเป็นหลักฐานเชิงประจักษ์ทั้งโสตและจักษุอยู่แล้ว แต่เมื่อมาเจาะดูแก่นความคิดของเขา ต้องมองผ่านนวนิยาย ‘สัญญาปีศาจ’ ที่เขาเคยเขียนลงเป็นตอนๆ ในนิตยสาร ‘บันเทิงคดี’ ที่ มาโนช พุฒตาล เป็นบรรณาธิการแต่ไม่จบ เพราะหนังสือปิดตัวไปก่อน
เรื่องราวที่เกี่ยวกับการขายวิญญาณให้กับซาตาน ซึ่งเป็นตำนานที่เกี่ยวพันกับนักดนตรีซึ่งมักมีข่าวลือกันว่านักดนตรีที่อยู่ดีๆ ก็เก่งกาจขึ้นมานั่นอาจเป็นเพราะขายวิญญาณให้กับปีศาจเพื่อแลกกับชื่อเสียง ความสำเร็จ และสิ่งที่ปรารถนา
การดีลกับความละโมบของคน กับความเลวร้ายของมนุษย์ โป่ง เคยให้สัมภาษณ์รายการของป๋าเต็ดทอล์ก ของ ยุทธนา บุญอ้อม ไว้ว่า
“ถ้าเราดีลในสิ่งที่ดีที่คิดถึงผู้อื่น ปีศาจมันจะทำอะไรไม่ได้ มันต้องเห็นแก่ตัว ต้องเป็นเรื่องส่วนตัว ความละโมบ ทะเยอทะยาน มันเป็นการเอาด้านมืดของเรามาแลกกัน ถ้าเป็นตอนนั้นอาจไม่มีทางเลือก หรือเราอาจต้องการมันจริง ๆ นิยายเรื่องนี้มีตัวละครจริงๆ แต่ไม่ระบุว่าเป็นใคร แต่อ่านแล้วจะรู้ว่าเป็นใคร คนที่ขายวิญญาณจะมีสัญลักษณ์บางอย่างในตัว มีบางคนรู้เรื่องราวเหล่านี้ นี่เป็นเรื่องที่อิงจากเรื่องจริง

การขายวิญญาณให้กับปีศาจบางทีเราทำแบบไม่รู้ตัว ความคิดแรกที่เราลืมตาในตอนเช้าของทุกวันอาจเข้าข้อตกลงของปีศาจโดยไม่รู้ตัว แล้วเราก็จะได้ในสิ่งที่ต้องการ แต่แล้วเราก็จะสูญเสียบางสิ่งไป เพราะปีศาจกำลังมาเอาคืนโดยเราไม่รู้ตัว การขายวิญญาณให้ปีศาจไม่จำเป็นจะต้องเกิดขึ้นที่ทางแยกแบบในตำนานได้กล่าวไว้ หากแต่เกิดขึ้นได้ทุกที่ทุกเวลา แม้กระทั่งบนเตียงนอน หรืออ่างล้างหน้าในยามเช้าของวันหนึ่งในชีวิตของเรา ณ วินาทีที่เราพร้อมจะทำสิ่งชั่วร้ายเพื่อความสำเร็จของเรา แต่สุดท้ายแล้วมันจะถูกเอาคืน”
นอกจากนี้ ในยุคแรกๆ โป่ง-ปฐมพงศ์ และผองเพื่อนในนามคณะโซดา (Soda) ตอนออกอัลบั้ม ‘ทองก้อน’ กับค่ายแกรมมีในปี 2528 เคยนำบทเพลง ‘Mr. Crowley’ บทเพลงดังของออสซี ออสบอร์น จากอัลบั้มเดี่ยวชุดแรก ‘Blizzard of Ozz’ ซึ่งออกมาในปี 1980 มาคอฟเวอร์แสดงสดในรายการ ‘คอนเสิร์ตแดดเดียว’ ห้างพาต้า ปิ่นเกล้าอาเขต ถ่ายทอดสดทางช่อง 9 อสมท. เมื่อปี 2528 แสดงให้เห็นถึงอิทธิพลและแรงบันดาลใจอันแจ่มแจ้งทั้งความคิดหลักในการเขียนเพลงและแนวดนตรีที่ได้พิมพ์เขียวมาจาก พ่อทูนหัวแห่งเฮฟวีเมทัลแบบซึมลึกถึงกระดูกดำในทุกอณูเส้นเลือดของ โป่ง-ปฐมพงศ์ สมบัติพิบูลย์ ที่มีมาถึงทุกวันนี้