Indy Mania By พอล เฮง คอลัมน์ที่จะพาย้อนกลับไปในช่วงการปะทุและระเบิดของเพลงไทยนอกกระแส ในช่วงทศวรรษที่ 90s
‘คนดนตรีผู้บุกเบิกแนวดนตรีเต้นรำในสไตล์รีมิกซ์ ให้สถาปนาอย่างมั่นคงในโสตของคนฟังเพลงไทย ในส่วนของ Bakery Music เขาเป็นคนบุกเบิกตลาดคนฟังเพลงวัยรุ่นยุคมิลเลนเนียม สถาปนา ‘โดโจ ซิตี’ ศูนย์ผลิตเพลงวัยรุ่นแด๊นซ์พ็อปสายเดี่ยวจนกลายเป็นปรากฏการณ์ของยุคสมัย’

วัยรุ่น Bakery Music ยุคมิลเลนเนียม คือผลิตผลของ “สมเกียรติ อริยะชัยพาณิชย์” ผ่านค่ายเพลงวัยรุ่น ‘โดโจ ซิตี’ (Dojo City) ในมุมของคนฟังเพลงที่เติบโตมากับความเป็นอินดีหรือค่ายเพลงอิสระ ที่เน้นความจริงใจซีเรียสเคร่งเครียดในการผลิตสร้างสรรค์งานของนักร้องและคณะดนตรีในแต่ละอัลบัมออกมาของ Bakery Music ไม่มีใครคิดว่า จะมีค่ายเพลงวัยรุ่นในเครือข่ายชายคาของที่นี่ออกมา
โดโจ ซิตี คือความน่าตะลึงพรึงเพริด ที่สร้างปรากฏการณ์สายเดี่ยวและยึดพื้นที่วัยรุ่น ปักหมุดหมายวัยรุ่นแห่งใหม่ของเมืองไทยในยุคปลายทศวรรษที่ 2530 ของไทย ที่เซ็นเตอร์ พอยต์ บริเวณสยามสแควร์ ให้ตื่นฟื้นชีพกลายเป็นศูนย์รวมเทรนด์ใหม่ของวัยรุ่นนำสมัยก้าวล้ำทั้งวิถีชีวิต แฟชั่น และอื่นๆ อีกมากมายในห้วงเวลานั้น
นักร้องสาววัยรุ่นสายทีน พ็อป ไอดอล ต่างทยอยปล่อยเพลงและอัลบั้มออกมา จนกลายเป็นตำนานแฟชั่นสายเดี่ยวของวัยรุ่นยุคนั้น เสื้อสายเดี่ยว เกาะอก กางเกงขาสั้น ใส่รองเท้าส้นตึก เสื้อคล้องคอ ผ้าเช็ดหน้าผืนใหญ่ แฟชั่นเหล่านี้ถูกส่งทอดออกไปจากเหล่านักร้องทีน พ็อป ไอดอล แนวเพลงที่สมเกียรติ อริยะชัยพาณิชย์ ตั้งใจทำตอนนั้น คือเพลงเต้นรำที่เขาชื่นชอบเป็นทุนเดิม แต่นำมาปรับให้เข้ากับกลุ่มผู้ฟังที่เป็นวัยรุ่นอายุระหว่าง 13 – 19 ปี โดย ศิลปินเบอร์แรกก็คือ ‘คิท’ กับ ‘กิ’ สองสาวที่ร้องเพลงดอกไม้ ซึ่งรวมตัวกันในชื่อ นีซ (Niece)
แน่นอน โดโจ ซิตี ได้สร้างทีมผลิตเพลงขึ้นมาจากบุคลากรที่เป็นนนักร้องและคณะดนตรีของเบเกอรีเอง รวมตัวกันเป็นทีมนักแต่งเพลงมืออาชีพในชื่อ Team Darling โดยมี Mr.Z หรือสมเกียรติเป็นโต้โผหรือหัวเรือใหญ่ทำหน้าที่กำกับ วางคอนเซปต์และให้โจทย์ว่าอยากได้เพลงแบบใดอีกที
ผลงานกว่า 80 เพลง จาก 6 ศิลปิน ทั้ง นีซ (Niece), ไทรอัมส์ คิงดอม (Triumphs Kingdom), เอช (H), คริสติน (Kristin), ออย ช็อคกิงพิงค์ (Oil Shocking Pink) และ มิสเตอร์ ซิสเตอร์ (Mr.Sister) เบื้องหลังความสำเร็จนี้ ผลิตเพลงและดนตรีจากทีมโปรดักชัน 100 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเปลี่ยนแปลงไปจากจิตวิญญาณแบบเบเกอรีดั้งเดิม เพราะวางบุคลิกของนักร้องที่ออกงานเพลงมาจากโดโจ ซิตี ไม่ได้อยู่ที่เสียงร้องที่ไพเราะหรือความสมบูรณ์แบบ แต่คือบุคลิกและสไตล์ที่สะท้อนความเป็นตัวแทนของกลุ่มคนรุ่นใหม่ในยุคนั้นได้

รวมถึงสมเกียรติเชื่อว่า ต้องใช้สื่อที่มีประสิทธิภาพควบคู่ไปด้วย เช่น สื่อโทรทัศน์ วิทยุ หรือแม้แต่สิ่งพิมพ์ เขาเลยผลักดันนิตยสารหัวใหม่ออกมาเจาะกลุ่มวัยรุ่นเป็นการเฉพาะ ใช้ชื่อว่า Katch เล่มแรกออกวางจำหน่ายต้นพฤศจิกายน ปี 2541
Katch มีกลิ่นอายของนิตยสารวัยรุ่นญี่ปุ่น เป็นส่วนผสมกับแฟชั่นกับการ์ตูน ซึ่งครึ่งหลังนี้เป็นความสนใจส่วนตัวของ บอยด์ โกสิยพงษ์
เมื่ออัลบั้มของ ไทรอัมส์ คิงดอม ดูโอสาวชุดแรกวางแผง ได้เกิดปรากฏการณ์แฟชั่นสายเดี่ยวระบาดหนักในหมู่วัยรุ่น โดยเฉพาะแหล่งท่องเที่ยวกลางวันของวัยรุ่นอย่างเซ็นเตอร์ พอยต์ หรือแหล่งบันเทิงกลางคืนอย่างอาร์ซีเอ เช่นเดียวกับยอดขายที่ไปได้สวยในระดับหลักแสนตลับ เหมือนเป็นความเคลื่อนไหวของวัฒนธรรมพ็อปที่วัยรุ่นหันมาแต่งตัวอย่างนี้ ถือเป็นสัญลักษณ์ที่สะท้อนตัวตนของวัยรุ่น Generation Y ซึ่งพร้อมจะเปิดรับสิ่งใหม่อยู่ตลอด ทั้งแฟชั่น ไลฟ์สไตล์ เทคโนโลยี และความบันเทิง
นั่นคือสิ่งที่สมเกียรติ 1 ใน 4 ของเบเกอรี เคยสร้างปรากฏการณ์ความสำเร็จไว้อย่างสวยงามและเป็นความทรงจำของยุคสมัยในปลายยุคทศวรรษที่ 1990 ของไทย
ว่าไปแล้วสมเกียรติ คือ ‘มนุษย์รีมิกซ์’ คนแรกของไทย ที่นำดนตรีแนวนี้เป็นที่นิยมในดนตรีกระแสหลักของเมืองไทย โดยเฉพาะดนตรีแด๊นซ์หรือเต้นรำให้ก้าวสู่ยุคใหม่ แตกต่างไปจากพ็อปแด๊นซ์วัยรุ่นแบบเดิมๆ ของค่ายเพลงยักษ์ใหญ่
‘รีมิกซ์’ (Remix) หมายถึง การนำผลงานที่มีอยู่แล้ว เช่น เพลง, งานศิลปะ, วิดีโอ มาเปลี่ยนแปลง ดัดแปลง หรือเรียบเรียงใหม่ เพื่อสร้างผลงานใหม่ที่แตกต่างจากเดิม การรีมิกซ์อาจเป็นการเพิ่ม, ลบ, หรือปรับเปลี่ยนชิ้นส่วนต่างๆ ของผลงานต้นฉบับ เป้าหมายหลักของการรีมิกซ์คือการสร้างผลงานใหม่ที่มีลักษณะเฉพาะและแตกต่างจากผลงานเดิม
การรีมิกซ์ในดนตรีมักเกี่ยวข้องกับการผสมผสานเพลง, การปรับเปลี่ยนจังหวะ, การเพิ่มหรือลบเสียง, หรือการสร้างท่อนใหม่ ซึ่งเป็นการรวมชิ้นส่วนเสียงจากการบันทึกเพื่อสร้างเพลงเวอร์ชันดัดแปลง ที่ได้รับความนิยมและเป็นที่ยอมรับมากที่สุดรูปแบบหนึ่ง
การรีมิกซ์สมัยใหม่มีรากฐานมาจากวัฒนธรรมแดนซ์ฮอลล์ในช่วงปลายยุคทศวรรษ 1960 และต้นยุคทศวรรษ 1970 ของจาเมกา ต่อมาในช่วงกลางทศวรรษ 1970 ดีเจในดิสโกเธคยุคแรกๆ จะแสดงทริคคล้ายๆ กันกับเพลงดิสโก โดยใช้ลูปและการตัดต่อเทปเพื่อให้เหล่านักเต้นได้เต้นตามจังหวะและทำให้พวกเขาเต้นได้อยู่หมัด และมีการเปลี่ยนผ่านจากยุคดิสโกไปสู่ยุคเฮาส์
การรีมิกซ์กลายเป็นเรื่องธรรมดาในวงการดนตรีอิเล็กทรอนิกส์และดนตรีทดลองที่ใช้เสียงสังเคราะห์อย่างหนัก และกลายเป็นเรื่องปกติในดนตรีแดนซ์ร่วมสมัย ทำให้เพลงหนึ่งเพลงสามารถดึงดูดผู้คนจากหลากหลายแนวเพลงหรือสถานที่เต้นรำได้
สมเกียรติ อริยะชัยพาณิชย์ ถือเป็นคนแรกของไทยที่สร้างอัลบัมจากการรีมิกซ์ออกมาวางจำหน่ายในตลาดเพลงของไทย เป็นเพลงที่สร้างใหม่โดยตัวเขาเองในฐานะโปรดิวเซอร์(ผู้รีมิกซ์) สร้างสรรค์ผลงานเพลงต้นฉบับด้วยสไตล์ของตนเองได้ ทดลอง พัฒนา และปรับปรุงเพลงของคนอื่นในแบบฉบับรีมิกซ์

ด้วยไฟที่อยากสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ โดยไม่เคยคิดถึงข้อจำกัดใด ๆ ทางธุรกิจ สมเกียรติให้สมภาษณ์ถึงคนดนตรี 3 คน ที่ Bakery Music ว่า สุกี้ (กมล สุโกศล แคลปป์) มีความเป็นฮิพฮอพ เป็นร็อก เป็นกรันจ์ร็อกด้วย ส่วนบอยด์ โกสิยพงษ์ เป็นอาร์แอนด์บี ขณะที่ตัวเขาเป็นแดนซ์และอิเล็กทรอนิกส์
เมื่อย้อนหลังกลับไป สมเกียรติ หรือ Mr. Z (มิสเตอร์ซี) หรือ Z-MYX ถูกตั้งให้เป็นเจ้าพ่อเพลงแดนซ์ มาตั้งแต่ปี 2535 ผ่านงานอัลบั้มแรกของเขา ‘Z-Zomkiat’ และอัลบัมที่ 2 ซึ่งโด่งดังที่สุด งานรีมิกซ์แนวเทคโนพ็อป ‘Z-MYX Volume 10’ ในปี 2536 และมีงานต่อเนื่องตามมาอีกหลายอัลบั้ม
ความสนใจการรีมิกซ์เพลงแล้วทดลองทำเอง การก้าวกระโดดในทักษะฝีมือการรีมิกซ์ของสมเกียรติเกิดขึ้นเมื่อพ่อของเขาได้ซื้อเครื่อง Sampling เล็ก ๆ จากต่างประเทศมาฝาก โดยข้อดีของเครื่องนี้คือนำทำนอง เสียงร้อง หรือเสียงเครื่องดนตรีจากเพลงหนึ่งไปใส่ในอีกเพลงได้ รวมทั้งยังปรับจังหวะ ปรับคีย์ หรือทำให้เสียงวนซ้ำไปซ้ำมา รีมิกซ์ได้ สมเกียรติ อัดใส่เทปแคสเซ็ตไปแบ่งปันให้เพื่อนสนิทในกลุ่มที่โรงเรียนอัสสัมชัญฟัง ทำเรื่อยมาเดือนละ 2–3 เพลง
เมื่อเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (เอแบค) จึงมีโอกาสเข้าไปพัวพันกับวงการวิทยุเต็มตัว ในปี 2532 ที่ มีเดีย พลัส บริษัททางด้านสื่อวิทยุที่มีชื่อเสียงที่สุดในยุคนั้น เนื่องจาก ศิริมา อริยะชัยพาณิชย์ พี่สาวของเขาซึ่งเป็นเพื่อนกับ สาลินี ปันยารชุน เห็นว่าแทนที่จะไปทำงานอยู่หลังเวที เขาควรนำเพลงที่ทำเก็บไว้ไปเสนอมากกว่า สมเกียรติจึงฝากผลงานทั้งหมดของเขาผ่านทางสาลินีไปให้ผู้บริหารของมีเดีย พลัส
พอทุกคนได้ฟังต่างก็สนใจ เพราะถือเป็นมิติใหม่ของวงการเพลงไทย จนนำไปสู่การเปิดพื้นที่ให้สมเกียรติทดลองนำเพลงไทยมารีมิกซ์ ออกอากาศทางคลื่นวิทยุ Smile Radio จนช่วง ‘Remix by สมเกียรติ’ กลายเป็นคำติดหูแฟน ๆ วิทยุในยุคนั้นไปโดยปริยาย
เมื่อสาลินีแนะนำให้สมเกียรติได้รู้จักกับ ประภาส ชลศรานนท์ ซึ่งออกจากคีตา เรคคอร์ดส มาเปิดค่ายเพลงมูเซอร์ พร้อมกับกำลังค้นหาศิลปินหน้าใหม่ และทำให้สมเกียรติได้ออกอัลบัมแรกที่นี่ ประภาสถือได้ว่าเป็นคนตัดสายสะดือของสมเกียรติโดยปล่อยอิสระเต็มที่ มีเพียงธานินทร์ เคนโพธิ์ มาทำหน้าที่เป็นโคโปรดิวเซอร์ หรือผู้ร่วมดูแลการผลิต

การทำอัลบั้มกับทางมูเซอร์ สมเกียรติได้ชวนบอยด์ โกสิยพงษ์ มาร่วมแต่งเพลง ในฐานะรุ่นพี่ที่เอแบคที่เขาเคยเห็นฝีมือ รวมถึงสุกี้-กมล สุโกศล แคลปป์ ในฐานะซาวนด์เอนจิเนียร์ ซึ่งสาลินีเป็นคนแนะนำให้รู้จักกับสุกี้ที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ จนนำมาสู่การทำงานร่วมกัน โดยใช้ห้องอัดกมลสุโกศลที่สยามสแควร์เป็นศูนย์บัญชาการ
เพราะฉะนั้นว่าไปแล้ว สมเกียรติก็คล้ายกับข้อกลางขั้วต่อที่ทำให้ 4 คนที่ก่อตั้ง Bakery Music ได้มาพบกันผ่านการทำงานรีมิกซ์ตามความฝันของเขาตั้งแต่ยังเป็นนักศึกษาที่เอแบค
สมเกียรติ เป็นคนแรกของไทยที่นำเพลงมา รีมิกซ์ คือการนำซาวด์และซีเควนซ์ของเพลงมาสร้างขึ้นใหม่ในไลน์ดนตรีให้มีความสนุกที่ได้ทำเสียงขึ้นมาใหม่ๆ โดยเฉพาะไลน์ของกลองและซินธิไซเซอร์ รีมิกซ์ให้มีจุดเด่นตรงที่ความสนุก มีความหมายกับจิตใจและมีสีสันที่ถูกใจและประทับใจคนฟังมากขึ้น
ดังที่ บอย โกสิยพงษ์ เคยพูดบอกต่อสาธารณะในการสัมภาษณ์ว่า “สมเกียรติ คือรากที่ลึกที่สุดของ Bakery Music แล้วก็อยู่สูงที่สุดในใจของพวกเรา”
อ่านบทความ 5 ตอนก่อนหน้านี้
วงการเพลงไทย ก่อน Indy Mania ยุค 90
กำเนิดดนตรี Indy ยุค 90s หลัง “POP กลืนกินตัวเอง”
Bakery Music ปักหมุด เปิดประตูยุค Indy Mania
บอยด์ โกสิยพงษ์ ธาตุแรกในจิตวิญญาณทำเพลงแบบ Bakery Music
สุกี้-กมล สุโกศล แคลปป์ ธาตุที่ 2 ของ Bakery Music ศิลปินที่เข้าใจธุรกิจ