Indy Mania  By พอล เฮง คอลัมน์ที่จะพาย้อนกลับไปในช่วงการปะทุและระเบิดของเพลงไทยนอกกระแส ในช่วงทศวรรษที่ 90s 

‘ดีเจแซลลี  (DJ Sally) สาลินี ปันยารชุน คือหนึ่งในตำนานดีเจยุคปลายทศวรรษที่ 2520 ถึงยุคทศวรรษที่ 2530 ซึ่งโด่งดังอยู่ในระดับแถวหน้าของวงการวิทยุเมืองไทย เธอเป็นหนึ่งในผู้นำเทรนด์การเปิดเพลงที่มีสไตล์เฉพาะตัวของคลื่นวิทยุ คลื่นซ้ายสุด 88 เอฟเอ็ม สไมล์ เรดิโอ และผันตัวเองมาร่วมก่อร่างสร้าง Bakery Music นับเป็นเคมีด้านการบริหารจัดการและโปรโมทเพลงให้ค่าย Bakery Music ด้วยประสบการณ์ที่มีล้นเหลือจากการคลุกคลีอยู่ในวงการเพลงไทยมาตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่นวัยกระเตาะชั้นมัธยมฯ’

ไตรมาสสุดท้ายของปี 2534 ท้ายปีเชื่อมต่อช่วงหัวปี 2535 คนฟังวิทยุสายนครบาลเอฟเอ็มสเตอริโอ โดยเฉพาะวัยรุ่นและวัยทำงานที่ยังแอคทีฟกับวิถีชีวิตทันสมัย ก้าวล้ำด้วยการฟังเพลงใหม่ๆ ที่เปี่ยมคุณภาพจากทุกค่ายเพลงไม่เว้นค่ายเล็กค่ายยักษ์ใหญ่ รวมถึงนักร้องและคณะดนตรีนอกกระแสใต้ดิน นอกเหนือจากเพลงพ็อปกระแสหลัก ต้องตกใจกับข่าวที่ มีเดีย พลัส เจ้าของคลื่นเอฟเอ็ม 88 สไมล์ เรดิโอ แพ้ประมูลคลื่นวิทยุกรมประชาสัมพันธ์ ไม่ได้ต่อสัญญาสัมปทานวิทยุคลื่นนี้ มีการเปลี่ยนมือไปสู่คู่แข่งอีกบริษัทหนึ่ง

สุดท้ายก็จบลงอย่างสวย เมื่อสไมล์ เรดิโอ หาที่ลงใหม่ได้ เปลี่ยนไปอยู่ที่คลื่นเอฟเอ็ม 98 แทน และถือเป็นจุดเปลี่ยนของวงการวิทยุเมืองไทยอีกคำรบหนึ่ง เมื่อดีเจของที่นี่ซึ่งมีชื่อเสียงเริ่มทยอยออกไปสร้างเส้นทางใหม่ๆ บนวิถีอาชีพและความชอบของพวกเขาเอง เติบโตขึ้นมาในฐานะผู้ประกอบการ

ขอบคุณภาพ คุณสาลินี ปันยารชุน  จาก FB : สาลินี ปันยารชุน
ขอบคุณภาพ คุณสาลินี ปันยารชุน  จาก FB : สาลินี ปันยารชุน

ดีเจแซลลี  (DJ Sally) สาลินี ปันยารชุน คือหนึ่งในนั้น ในอีก 2-3 ปีต่อมา เธอได้ออกมาร่วมก่อตั้ง Bakery Music  ร่วมกับสุกี้-กมล สุโกศล แคลปป์, บอยด์ โกสิยพงษ์ และสมเกียรติ อริยะชัยพาณิชย์

สำหรับ สไมล์ เรดิโอ ถือเป็นคลื่นวิทยุเพลงไทยสากลในกรุงเทพมหานครที่โดดเด่นที่สุดในช่วงต้นทศวรรษ 2530  มีเจ้าของและผู้ก่อตั้งคือ อิทธิวัฒน์ เพียรเลิศ ซึ่งตัดสินใจแยกตัวออกจากไนท์ สปอต บริษัทผลิตรายการวิทยุของไทยและค่ายเพลงไทยที่มีผลงานทันสมัยและเป็นที่นิยมมากที่สุดในช่วงยุคทศวรรษ 2520 หรือยุค 80s  มาก่อตั้ง มีเดีย พลัส ทำงานด้านผลิตรายการวิทยุควบคู่ไปพร้อมกับงานจัดคอนเสิร์ตจากศิลปินต่างประเทศ พร้อมมี เอ็ม 88 ไลฟ์เฮ้าส์ รามคำแหง เป็นที่จัดคอนเสิร์ตของคลื่นวิทยุในเครือด้วย

คลื่นวิทยุในเครือมีเดียพลัสในเวลานั้นคือ 88.0, 95.5 และ 105.0 เมกะเฮิร์ทซ์ แต่คลื่นวิทยุที่โดดเด่นอย่างมากคือ ‘สไมล์ เรดิโอ’ เอฟเอ็ม 88.0 เมกะเฮิร์ทซ์ ที่สร้างนักจัดรายการวิทยุที่มีชื่อเสียงในวงการไว้มากมาย อาทิ วินิจ เลิศรัตนชัย, หัทยา เกษสังข์, สาลินี ปันยารชุน, นิมิตร ลักษมีพงศ์, วิทวัส ศุภเมธากร, สุทธิธรรม สุจริตตานนท์, ธเนศ แสงโชติกุล, มณฑาณี ตันติสุข และ สมเกียรติ อริยะชัยพาณิชย์ โดยในจุดสูงสุด สไมล์ เรดิโอได้กลายเป็น Network Radio เจ้าแรกของไทย 1 คลื่นออกอากาศจากกรุงเทพฯ แต่ฟังพร้อมกันผ่านดาวเทียมเป็นร้อยสถานีทั่วประเทศ จนอิทธิวัฒน์ ได้รับฉายาจากสื่อต่างๆ ว่าเป็นเจ้าพ่อวิทยุแห่งยุค

เพราะฉะนั้น สาลินี ปันยารชุน จึงมีประสบการณ์ในยุคที่ดีเจ คือผู้ชี้นำรสนิยมการฟังเพลงของผู้คนมาอย่างเต็มเปี่ยม และรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงของดนตรีตามยุคสมัยอย่างเกาะติด ไม่ว่าในต่างประเทศ ทั้งอเมริกาและอังกฤษ รวมทั้งรู้สายสนภายในของวงการเพลงไทยแบบลึกซึ้ง

เธอเรียนจบปริญญาตรี คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และโลดโผนโจนทะยานสร้างชื่อเสียงในฐานะดีเจอย่างรวดเร็ว และกลายมาเป็นเซเลบริตีในยุคต่อมา ในการให้สัมภาษณ์รายการสีสันชีวิต  ช่วง 21.00-22.00 น. คืนวันเสาร์ที่​ 26 เม.ย.​68 ที่ MCOT News FM100.5 อสมท สาลินี ได้เล่าถึงช่วงเวลาในการออกจาก มีเดีย พลัส ซึ่งตำแหน่งบริหารสุดท้ายคือดูแลสไมล์ ทีวี

“ได้บริหารทีวีมาประมาณหนึ่งแต่ก็ไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ สไมล์ ทีวี ข้างในการเมืองเยอะ เราก็เบื่อ เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ แล้วอีรุงตุงนัง ก็เลยคิดว่าเดี๋ยวเราลองไปทำอะไรกันเองดีกว่า จากนั้นก็เลยชวน สมเกียรติ อริยะชัยพาณิชย์ เขาทำรีมิกซ์ให้กับ สไมล์ เรดิโออยู่แล้วก็เลยสนิทกัน เราก็เป็นกึ่งๆ เมเนเจอร์ให้เขา แนะนำให้เขาได้เซ็นคอนแทคกับมูเซอร์ (ค่ายเพลงของประภาส ชลศรานนท์ ในยุคทศวรรษที่ 2530)”

สาลินี เล่าถึงการมาทำธุรกิจค่ายเพลงร่วมกัน เนื่องจากสมเกียรติเป็นเพื่อนกับ บอยด์ โกสิยพงษ์ ก็เลยรู้จักกัน แล้วตอนเรียนอยู่ที่อเมริกา บอยด์ ส่งเพลงมาให้ที่สไมล์เปิด แล้วก็มาเจอสุกี้ ผ่านสองคนนี้

“คุณแม่เขา (กมลา สุโกศล แคลปป์) อยากให้สุกี้กลับไทย ก็เลยแนะนำให้สมเกียรติมาเจอ สุกี้ ที่จบมาจากนิวยอร์ค ด้านการทำซาวด์โดยเฉพาะ เขาก็เลยไปเจอกัน เราก็ไปเยี่ยมดูบ้างเวลาเขาอัดเสียง คุยกันเป็นอย่างไรบ้าง? เราก็วิจารณ์วงการดนตรีเมืองไทย ตอนนั้นเป็นยุคที่ก็อปปี้มากเลย เอาเพลงฝรั่งมาแล้วเปลี่ยนเนื้อไม่ต้องถึง 7 โน้ต แล้วก็ทำออกมา แล้วไปใส่ชื่อตัวเองแต่ง เราก็เลยรู้สึกไม่แฮปปี้ มันไม่ถูกนะทำแบบนี้ หนึ่งเรื่องลิขสิทธิ์มันก็ผิด สองหน้าไม่อาย ประมาณอย่างนี้ 

เราวิจารณ์เขาอย่างเดียวแต่ไม่ทำอะไร ก็เลยคิดว่าคนอะไรชอบติ ก็บอกว่าเรามาทำค่ายเพลงกันไหม? แต่ค่ายเพลงเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่มาก อย่างนั้นมาทำโปรดักชันเฮาส์กันก่อน รับจ้างทำเพลงโฆษณาเป็นบริษัทเล็กๆ กันก่อน แต่ดูแล้วทุกคนไม่ได้อยากทำโปรดักชันเฮาส์ อยากทำค่ายเพลง อย่างนั้นทำค่ายเพลงไปเลยก็แล้วกัน จะตั้งชื่ออะไรดี ก็กลับไปคิดเป็นการบ้านกันมา ไม่อยากได้ชื่อแข็งๆ แบบแพลตตินัม แบบโน้นแบบนี้ อยากได้ชื่ออะไรที่มันซอฟต์ๆ 

บอยด์เขาเลยมากับไอเดีย เบเกอรี่ ที่ต้องทำให้กลมกล่อม ถ้าเกิดสมมติว่า ส่วนผสมไม่ลงตัว เค้กมันก็จะไม่ขึ้นมันก็จะแฟบ เราก็ทำอาหารเป็น ก็โอเคใช้เป็น Bakery Music  บางทีก็เราเรียกว่า ขนมปังดนตรีให้มันขำๆ มันก็มีความน่ารักๆ ของมันอยู่ด้วย พาร์ทเนอร์ก็มี 4 คน สุกี้ เป็นหุ้นใหญ่ เพราะเราจะไปใช้ตึกของเขาที่สยามสแควร์  ชั้น 2 กมล สุโกศล (บริษัท กมลสุโกศล อีเล็คทริค จำกัด) ข้างล่างเขาขายเครื่องไฟฟ้า เครื่องเสียง แล้วบอยด์ เอื้อง (ชื่อเล่นสาลินี) สมเกียรติ เป็นหุ้นเท่ากัน ก็เลยเป็น 4 คนที่ทำกันมา 

แล้วทำกันได้ ก็มี โมเดิร์นด็อก เป็นอัลบั้มชุดแรก แล้ว บอยด์ โกสิยพงษ์ โจอี้ บอย 3 ชุดนี้ตูมตามเลยเป็น 3 แนวดนตรีต่างกัน แล้วก็มี เบเกอรี่ คลาสสิก ออกงานของคุณกมลา สุโกศล ที่มีแต่เดิมอยู่แล้ว เอื้องอยู่ 4 ปีแล้วแยกออกมา เขาก็ทำกันต่อ” 

ขอบคุณภาพ คุณสาลินี ปันยารชุน  จาก FB : สาลินี ปันยารชุน
ขอบคุณภาพ คุณสาลินี ปันยารชุน  จาก FB : สาลินี ปันยารชุน

สาลินี รำลึกความหลังในช่วงเวลา 4 ปีนั้นว่า เป็นช่วงเวลาที่ดีที่ได้เข้าไปในเรื่องของการสร้าง เธอดูแลและบริหารรับหน้าที่เป็นฝ่ายการจัดการทั่วไป ทั้งด้านธุรการ, การตลาด และโปรโมชัน่ และเข้าไปดูแลการจัดการศิลปินอีกด้วย

“คืออินดี้ไง เพราะอินดี้เป็นบริษัทเล็กๆ คนก็เลยต้องช่วยทำกัน ทำกันเองหลายอย่าง แล้วหนุ่มๆ 3 คนก็ทำกันในเรื่องของโปรดักชั่นกันไป เราก็ทำในเรื่องของวงการ แต่ละคนก็ใหม่กันทั้งนั้นจัดคอนเสิร์ตก็ใช้คอนเน็กชันที่เราเคยทำมา เป็นช่วงเวลาที่เราได้อยู่ด้วยกัน”

หลังจากลาจากกัน สาลินี ถอนหุ้นออกจาก Bakery Music  แต่ในความสัมพันธ์ก็ไม่ได้ขาดหายหรือบาดหมาง หลายๆ ครั้ง สาลินี ก็ไปร่วมในงานคอนเสิร์ตที่มีนักร้องและคณะดนตรีที่จัดโดย Bakery Music  อยู่เสมอ ในบางคอนเสิร์ตเธอก็ขึ้นเป็นแขกรับเชิญพูดคุยพาย้อนวัยกลับไปสู่สมัย Bakery Music  ที่มีจุดเริ่มต้นอยู่ที่สยามสแควร์ ซอย4

ผู้หญิงคนเดียวในบรรดาผู้ก่อตั้งค่ายเพลง Bakery Music หลักฐานเชิงประจักษ์ของการมีอยู่ของผู้บริหารทั้ง 4 คนบนปกเทป มีปรากฏเกิดในอัลบั้ม ‘The Love’s Collection Bakery’ ซึ่งเป็นอัลบั้มรวมเพลง หลังจากทางค่ายได้ปล่อยงานเพลงของนักร้องและคณะดนตรีมาครบ 1 ปี ด้วยคอนเซ็ปต์รวมเพลงรักที่ยอดนิยม โดยในปกอัลบัมชุดนี้ มีการเขียนเครดิตคำว่า 

‘จากพวกเรา 4 ทหารเสือ / The Four Musketeers (Sukie, Sally, Z & Boyd.)’ 

อย่างที่เข้าใจก็หมายถึง 4 ผู้ก่อตั้ง Bakery Music ในยุคเริ่มต้น และเป็นอัลบั้มเพียงชุดเดียวของ Bakery Music ที่มีการอ้างถึงผู้บริหารทั้งหมด 4 คนปรากฏด้วยกันอย่างเป็นทางการ

ว่าไปแล้ว สาลินี ปันยารชุน ถือเป็น 1  ใน 4 ที่มีการอ้างอิงหรือเอ่ยถึงน้อยที่สุด เนื่องจากเธออยู่ร่วมแค่ในช่วงแรกอันรุ่งเรืองสุด ในปรากฏการณ์ที่สร้าง Indy Mania ให้เกิดขึ้นในวงการเพลงไทย แต่ถ้าพิจารณาให้ถ่องแท้ หากไร้เครือข่ายหรือคอนเน็กชันวงในสุดๆ ในธุรกิจและอุตสาหกรรมดนตรีทั้งสื่อและการตลาดของเธอ Bakery Music อาจไม่ทะลุพุ่งสูงเป็นพลุสวยงามบนฟ้าในยุคทศวรรษที่ 2530 หรือยุค 90s ในฐานะเบอร์ 1 ของวงการก็ว่าได้

เธอคือหัวหอกที่ทำให้ทุกองค์ประกอบของ Bakery Music มาเจอกันอย่างถูกต้องตามวันและเวลาที่เหมาะสมและดีที่สุดในประวัติศาสตร์เพลงไทยยุคใหม่

ขอบคุณภาพ คุณสาลินี ปันยารชุน  จาก FB : สาลินี ปันยารชุน

อ่านบทความ 6 ตอนก่อนหน้านี้ 

วงการเพลงไทย ก่อน Indy Mania ยุค 90

กำเนิดดนตรี Indy ยุค 90s หลัง “POP กลืนกินตัวเอง”

Bakery Music ปักหมุด เปิดประตูยุค Indy Mania

บอยด์ โกสิยพงษ์ ธาตุแรกในจิตวิญญาณทำเพลงแบบ Bakery Music

สุกี้-กมล สุโกศล แคลปป์ ธาตุที่ 2 ของ Bakery Music ศิลปินที่เข้าใจธุรกิจ

สมเกียรติ อริยะชัยพาณิชย์ มนุษย์รีมิกซ์ ผู้สร้างโดโจ ซิตี้ แด๊นซ์พ็อป


เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้ที่จำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ (Strictly Necessary Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้มีความสำคัญต่อการปฏิบัติการของเว็บไซต์ feedforfuture.co ซึ่งจะช่วยให้ท่านสามารถเข้าถึงข้อมูลและเนื้อหาต่างๆ ของเว็บไซต์เราได้ทุกส่วน โดยเฉพาะส่วนสมาชิกผู้ใช้งานของเว็บไซต์ ตลอดจนการตรวจสอบจำนวนผู้เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเรา

  • คุกกี้ด้านประสิทธิภาพการทำงานของเว็บไซต์ (Performance Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้ใช้เพื่อรวบรวมข้อมูลทางสถิติเกี่ยวกับการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน เพื่อวิเคราะห์ และช่วยให้เราทราบถึงพฤติกรรมการใช้งาน ซึ่งจะช่วยปรับปรุงการทำงานของเว็บไซต์เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดในการใช้งานบนเว็บไซต์ของเรา

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาเข้ากับกลุ่มเป้าหมาย (Targeting Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้ใช้ในการบันทึก และจดจำคุณลักษณะต่างๆ ที่ท่านได้เลือกขณะเข้าชมเว็บไซต์ของเรา เช่น หมวดหมู่ และเนื้อหาที่ท่านชอบอ่านมากที่สุด เราจะบันทึกข้อมูลเหล่านี้ และนำกลับมาใช้เมื่อท่านกลับเข้ามาที่เว็บไซต์ของเราอีกครั้ง เพื่อปรับให้ท่านได้รับชมเนื้อหาได้ตรงกับความชอบของท่านให้มากที่สุด

  • คุกกี้เพื่อนำเสนอโฆษณาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย (Advertising Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้ใช้เพื่อจดจำพฤติกรรมการอ่านเนื้อหาบนเว็บไซต์ของท่าน รวมถึงรายละเอียดของอุปกรณ์ที่ท่านใช้ เพื่อนำไปใช้วิเคราะห์การนำเสนอโฆษณาที่เหมาะสมกับท่านมากที่สุด และช่วยวัดความมีประสิทธิผลของโฆษณาที่เรานำเสนอด้วย ตลอดจนช่วยป้องกัน หรือจำกัดจำนวนครั้งที่ท่านจะเห็นโฆษณาเดิมซ้ำๆ

บันทึก