การประกวด Miss Universe Thailand 2023 ที่กำลังจะเริ่มขึ้นในเดือนสิงหาคม เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งปีที่แฟนนางงามต่างนั่งไม่ติดทันทีที่ได้เห็นตัวแทนแต่ละจังหวัด หลังจากที่การประกวดในปีนี้ได้นำรูปแบบของ Miss USA มาใช้ นั่นก็คือการให้แต่ละจังหวัดส่งตัวแทนของตนเข้ามาประกวดเพื่อหาสาวงามที่จะดำรงตำแหน่ง มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ เพียงหนึ่งเดียว
Road to Miss Universe Thailand 2023 ในปีนี้ FEED จะพาทุกคนมารู้จักและร่วมพูดคุยกับสาวงามผู้เข้าประกวดในปีนี้ เริ่มต้นที่ “แอน แอนโทเนีย โพซิ้ว” ดีกรี “Miss Supranational 2019” สาวไทยคนแรกในเวทีนี้ ที่ล่าสุดเจ้าตัวได้เซ็ตซีโร่ครั้งใหม่ในเส้นทางนางงาม สู่การลงประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2023 อย่างเป็นทางการ ในฐานะ MUT Nakhon Ratchasima
“สวัสดีค่ะ แอนนะคะ แอนโทเนีย โพซิ้ว MUT Nakhon Ratchasima ค่ะ”
จุดเริ่มต้นเส้นทางนางงาม เพราะเพื่อนชวน จนได้มงกุฎระดับโลก “Miss Supranational 2019”
แอนโทเนีย : จริงๆ ตอนแรกแอนไม่เคยคิดว่าจะมาเป็นนางงาม หรือจะมาแนวนี้เลย แต่ติดตามนิดนึง (หัวเราะ) แล้วมีวันหนึ่งที่เพื่อนแอนได้โทรมาถามว่า อยากลองประกวดไหม แอนก็ไม่เคยได้ยินชื่อเวทีนี้มาก่อน ไม่เคยรู้ว่าความตั้งใจมันต้องขนาดไหน แอนก็โอเค ลองดูก็ได้ เลยได้ลอง เป็นการลองเพื่อประสบการณ์มากกว่า แล้วประเด็นไปประกวดก็คือชนะมงกุฎแรกของประเทศไทยเลยค่ะ
การ “เซ็ตซีโร่” ครั้งใหม่ กับ Miss Universe Thailand 2023
แอนโทเนีย : MUT เป็นเวทีที่ใหญ่มากในประเทศไทยใช่ไหมคะ แล้วก็ในโลกด้วย Miss Universe ทุกคนรู้ แอนไม่ได้เลือกว่าโอเคเวทีนี้ใหญ่หรือเล็กกว่าอีกเวทีหนึ่ง เพราะแอนเชื่อว่าการที่เรามาประกวดหรือว่าไปเป็นนางงามในเวทีหนึ่ง เวทีมันเปิดประตูให้เรา เวทีเป็นแพลตฟอร์มให้เราเพื่อที่จะมาทำอะไรดีๆ เพื่อสังคม แล้ว MUT เป็นอีกหนึ่งแพลตฟอร์มที่ผู้ชมกว้าง แล้วแอนเชื่อว่าแอนจะคอนเน็คและบอกเล่ากับหลายคนได้มากขึ้น แอนรู้ว่าการที่เรามาประกวดครั้งนี้มีหลายคนที่คาดหวัง เพราะว่าเขาจะคิดว่าแอนมากับพรีวิเลจที่มีมงแล้ว แต่จริงๆ ในฐานะที่แอนมาประกวดครั้งนี้ แอนมาแบบเซ็ตซีโร่เลย มาแบบ นางงามใช่ แต่มาเป็น “นางสาวแอนโทเนีย โพซิ้ว” ด้วย แอนไม่เคยคิดว่าแอนเหนือกว่าใครหรือว่ามีพรีวิเลจมากกว่าใคร เพราะว่าในที่สุดตอนเราไปประกวด เราก็เริ่มจากศูนย์เท่ากับทุกคน
“มีหลายคนเชียร์แล้วก็มีหลายคนที่บอกว่าไม่ควรมา เพราะว่าไม่ให้เกียรติเวทีเก่า หรือว่ามาเอาโอกาสของคนอื่น ไปขโมยมง หรือมาเก็บมง แต่จริงๆ ทุกคนมีความฝันใช่ไหมคะ แล้วก็ทุกคนอยากไปบรรลุความยิ่งใหญ่ของตัวเอง แอนอ่านคอมเมนต์ของทุกคน แอนก็เข้าใจมุมมองของเขาด้วย แต่ในที่สุดเราไม่รู้ว่าเราจะไปประสบความสำเร็จขนาดไหน ถ้าเราไม่ลองทำก่อน แล้วแอนก็ทำใจไว้แล้วว่าถ้าแอนไม่ชนะ ก็เป็นอีกบทเรียน อีกการเรียนรู้เพื่อที่จะปลุกให้แอนเห็นว่า โอเค การที่จะเป็นนางงามอาจจะไม่ใช่ทางของแอนก็ได้”
มาเพื่อความฝัน ไม่ใช่มาเพื่อ “ขโมย” มงใคร
แอนโทเนีย : แอนเชื่อว่าทุกคนที่มาประกวดมีโอกาสเท่ากับทุกคน ถ้าแอนมาแล้วแอนชนะ มันควรจะเป็นเพราะว่าแอนมีความสามารถหรือว่าแอนมีอะไรที่เวทีกำลังหาอยู่ แต่เราไม่รู้ว่าแอนจะชนะใช่ไหมคะ แอนก็ไม่รู้ว่าแอนจะชนะ แอนก็ต้องทำให้ดีที่สุดเพื่อที่จะให้เขาเห็นว่าแอนควรเป็น Miss Universe Thailand 2023 ใช่ไหมคะ แล้วคนอื่นอาจจะบอกว่ามาขโมยมง แต่ทุกคนเท่าเทียมกันหมดเลยทุกคนมาในโอกาสเหมือนกันเลย ในที่สุดตอนเรามา เจ้าของหรือว่าองค์กร MU และ MUT ก็จะเห็นว่าโอเคในทุกแคมเปญในทุกสถานการณ์ คนนี้เป็นยังไงบ้าง เราเฟคมันไม่ได้ใช่ไหมคะ ถ้าคนมงที่ไม่ใช่แอน แอนก็จะยอมรับว่าโอเคเขาดีกว่าแอน เขาเก่งกว่าแอน แต่มันไม่ได้แปลว่าเราไม่เก่ง เราก็ต้องคิดแบบเปลี่ยนมุมมองด้วย
“แต่แอนคอนเฟิร์มแล้วก็อยากบอกทุกคนว่าแอนไม่ได้มาขโมยมง เพราะว่ามงมันไม่ได้เป็นอะไรที่สำคัญมาก การที่เราถือตำแหน่งแล้วก็ที่เราใช้ตำแหน่งยังไง อันนี้คือสำคัญ เพราะว่าเรามีมงได้ เรามีตำแหน่งได้ แต่ถ้าเราไม่ทำอะไรกับมงกับตำแหน่ง เราไม่อิมแพ็คคน มันก็จะไม่ได้พิเศษอะไรเลย”
ความ “กดดัน” และความ “คาดหวัง” ในฐานะ “ตัวเต็ง” ที่มีมงกุฎระดับโลกการันตี
แอนโทเนีย : กดดันค่ะ เพราะว่าแปลว่าแอนผิดไม่ได้ นิดนึงก็ผิดไม่ได้ แอนก็ต้องระมัดระวัง ดูทุกดีเทลดีๆ แต่แอนคิดว่า ทุกคนเป็นตัวเต็งในตัวของตัวเอง แต่ยังมีผู้หญิงหลายคนที่ยังไม่ได้โชว์ความสามารถ ยังไม่ได้เปิดตัว 100% เท่ากับที่คนอื่นคิดว่าเป็นตัวเต็งใช่ไหมคะ แต่แอนคิดว่าอาจจะมีม้ามืด หรือคนที่ยังไม่ได้มีทีมที่ผลักดันเท่ากับคนอื่นมาก ที่จะมาโชว์ความว้าวของเขา
“แอนไม่ได้เป็นคนที่รูปร่างเพอร์เฟ็กต์ ไม่ได้สมส่วนเหมือนนางงามที่ทุกคนคิด รูปร่างของทุกคนมันก็แตกต่างกันอยู่แล้ว โอเคภายนอกมันเป็นอะไรที่เราเปลี่ยนได้ แต่ภายในเป็นอะไรที่เราสร้างขึ้นมาในโมเมนต์นี้ไม่ได้ ถ้าถามว่าพร้อมไหม ก็พร้อม แต่ว่ามีพื้นที่ให้พร้อมมากกว่านี้ค่ะ (ยิ้ม) แอนก็ต้องพัฒนาตัวเองทุกวัน ต้องดูแลหุ่น ดูแลการเดิน ตอบคำถาม ทัศนคติ ความคิดทุกอย่าง ทุกวันเราก็เรียนรู้หลายๆ อย่างจากทุกคนที่อยู่รอบข้างเราอยู่แล้ว แล้วก็มาเพิ่มในข้อมูลที่อยู่ในหัวของเรา”
“แอนไม่อยากบอกว่าพร้อม เพราะว่าแอนรู้ว่ามันมีอีกหลายอย่างที่แอนพัฒนาตัวเองได้ แอนก็บอกทุกคนหลายๆ รอบว่าถ้าแอนมา แอนก็ไม่ได้มาเล่นๆ ทุกคนเห็นแอนในที่สุดแล้ว แล้วเขาจะคาดหวังมากกว่านั้น มันก็เลยกดดันมากขึ้น แต่แอนรู้ว่าแอนมีทีมดี แล้วก็การสนับสนุนที่ดี ก็เป็นอีกหนึ่งที่ช่วยให้แอนตัดสินใจมาประกวดปีนี้ค่ะ”
เลือก “นครราชสีมา” เป็นจังหวัดตัวแทนเข้าประกวด เพราะ “คุณแม่”
แอนโทเนีย : หนึ่งเพราะว่าเป็นบ้านเกิดของคุณแม่ แล้วเป็นที่ที่แอนมีความรู้สึกที่สื่อถึงด้วย แอนคุยกับ CD (City Director) แล้วก็คุยกับทีมว่า ถ้าต้องประกวดในจังหวัดหรือว่าต้องไปเป็นตัวแทนของจังหวัด แอนอยากเป็นตัวแทนของจังหวัดนครราชสีมา จะไม่เลือกที่อื่นเลย เพราะว่าการที่เราเป็นตัวแทน เราต้องเป็นตัวแทนของประชาชน ของวัฒนธรรม ประเพณีทุกอย่างที่แต่ละจังหวัดนำเสนอ แอนเชื่อว่าวัฒนธรรมของคนโคราชและจังหวัดนี้ เป็นอีกพาร์ทหนึ่งของชีวิตแอน เลยเลือกที่จะมาเป็นตัวแทนของนครราชสีมา แล้วก็หวังว่าจะทำให้ทุกคนที่โคราชภูมิใจในตัวแอนด้วยค่ะ (ยิ้ม)
แอนโทเนีย เป็นอีกหนึ่งสาวงามที่ทำโครงการขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือสังคม โครงการของเธอมีชื่อว่า “Little Steps” ที่ทำมาตั้งแต่ปี 2015 ก่อนที่จะเริ่มเดินในเส้นทางนางงามด้วยซ้ำ
แอนโทเนีย : หลายคนที่ติดตามก็จะรู้ว่าแอนทำโครงการมานานมากแล้ว แล้วส่วนมากโครงการแอนจะช่วยเหลือคนที่โคราช โรงเรียน เด็ก หรือว่าผู้ใหญ่หรือใครก็ตามที่ต้องการความช่วยเหลือ โครงการของแอน Little Steps ก็เติบโตที่โคราช ถามว่าทำไมก็เพราะว่าแอนเชื่อว่าถ้าจะเริ่มอะไรที่จะอิมแพคหลายๆ คน เราควรเริ่มที่สถานที่ที่เราเรียกว่าบ้าน
“อย่างเช่น โรงเรียนที่คุณแม่เคยไปเรียน ต้องการเครื่องกรองน้ำ แอนก็จะไปหารับบริจาคเพื่อที่จะมาซื้อให้น้องๆ หรือว่าเครื่องอุปกรณ์ที่ต้องใช้ในโรงเรียน แอนก็จะไปหาไปถามแฟนคลับหรือไปถามคนที่อยากบริจาคของ แต่แอนไม่ได้ขอแบบ 2 แสนบาท ขอ 1 ล้านบาท แอนขออะไรที่คนที่ไม่ต้องการแล้ว เสื้อผ้า ของเล่น อยากบริจาคขนม อะไรเล็กๆ ก็ตาม ชื่อมันคือ Little Steps ก้าวเล็กน้อย สู่ความยิ่งใหญ่ แล้วมีหลายอย่างที่แอนได้ทำมาแล้ว ห้องน้ำ ห้องสมุด ห้องพยาบาล สำหรับแอนอาจจะเป็นอะไรที่เล็กน้อย แต่มันอิมแพ็คชีวิตของเด็กๆ และคนที่แอนช่วยมาก แอนอยากใช้เวทีนี้มาเป็นกระบอกเสียงให้คนรู้มากขึ้นว่า เราไม่ต้องทำอะไรใหญ่โตเพื่อที่จะช่วยเหลือคนอื่น แต่เราไปอิมแพ็คไปเป็นแรงบันดาลใจให้คนเห็นว่า มันง่ายขนาดไหน ที่เราแค่เอื้อมมือไปช่วยคนได้ แล้วมันก็จะเปลี่ยนชีวิตเขาได้ด้วย”
“สำหรับแอน มันทำให้แอนมีความสุขมากๆ พี่อ่ะจะทำให้หนูร้องไห้ การช่วยเหลือคนเป็นอะไรที่แอนชอบทำมาก ทำมาตั้งแต่เด็ก พ่อแม่สอนมาตั้งแต่แรก (เสียงสั่น) แล้วทุกครั้งที่แอนไปบริจาคของหรือไปช่วยเหลือคนอื่น มันจะปลุกให้แอนเห็นว่าหลายคนในรอบข้างแอนหรือว่าในสังคม ไม่เข้าใจความสำคัญของชีวิตแล้วก็อะไรที่เป็นพื้นฐาน เหมือนเตียงที่เรานอน บ้านที่เรามี ข้าวที่เรากิน อะไรง่ายๆ แบบนี้ที่เราลืมว่ามันสามารถเข้าถึงได้สำหรับเรา มันไม่ได้ง่ายสำหรับคนอื่น คนอื่นต้องทำงานเป็นวันๆ เดือนๆ เพื่อที่จะได้”
“ตอนแอนไปช่วย เด็กๆ อาจจะไม่รู้ในเวลานั้นว่าเพื่ออะไรและมันดีสำหรับเขายังไง เขาจะมีการเข้าถึงในสิ่งที่เขาควรได้ตั้งแต่แรก เพราะว่าทุกคนควรได้สิ่งที่จำเป็นขั้นพื้นฐาน ควรได้ความสุข ความสบาย ความสบายใจ แล้วก็ไม่ควรดิ้นรนเพื่อที่จะให้มันเกิดขึ้นในชีวิตเขา”
เมื่อถามถึงประเด็นที่ ผู้หญิงที่ชื่อ “แอนโทเนีย โพซิ้ว” เป็นอีกตำนานของวงการนางงามไทย ในฐานะเจ้าของตำแหน่งจากเวทีโลกอย่าง Miss Supranational 2019 คนแรกของประเทศไทย การกลับมาลงประกวดในเวทีระดับประเทศอย่างมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2023 กลัวไหมหากไม่ชนะขึ้นมา จะถูกมองว่าเอามงเอาตำแหน่งเดิมมาทิ้ง แอนโทเนีย บอกกับเราว่า เธอจะไม่มีวันคิดว่าเธอเอามงมาทิ้ง เพราะมงนั้นได้สร้างให้เธอมาเป็น แอน แอนโทเนีย ในวันนี้ เธอยังให้เกียรติเวทีเดิม และอยากไปถึงความฝันที่มีในตอนนี้ นั่นก็คือมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2023 ไปจนถึง มิสยูนิเวิร์ส ที่เธอตั้งใจไว้
“แอนคิดว่าถ้าเราไม่ชนะ มันไม่ได้เกี่ยวกับเวทีอื่นหรือเราเอามงไปทิ้ง เพราะว่าเราในเวลานั้นที่แอนได้มง แอนก็ทำดีที่สุด เป็นบทหนึ่งในชีวิตที่สร้างแอนมาเป็นผู้หญิงที่แอนเป็นวันนี้ ถ้าแอนไม่ชนะก็จะเป็นบทเรียนให้แอน ทุกอย่างเป็นการเรียนรู้ในชีวิตของเรา ถ้าเราทำอะไรเต็มที่แต่มันไม่ประสบความสำเร็จ มันอาจจะเป็นอะไรที่เราไม่เก่ง หรือว่าเราไม่ควรไปต่อ แต่แอนจะไม่คิดเลยว่าเอามงมาทิ้ง เพราะว่าแอนยังให้เกียรติเวที แอนเคารพเวทีนั้นมากๆ เป็นครอบครัวของแอน แล้วจริงๆ ต้องขอบคุณเขาด้วย เพราะว่าถ้าไม่มีเขาก็จะไม่มีแอนที่เป็นผู้หญิงเข้มแข็งวันนี้ เขาสอนแอนมาหลายอย่างมาก แล้วก็แอนจะทำให้ดีที่สุด เพื่อที่จะทำให้เขาภูมิใจในตัวแอนด้วย แล้วก็ทำให้คนไทยภูมิใจด้วยค่ะ”
การกลับมาในเส้นทางนางงามของแอน แอนโทเนีย ในครั้งนี้ เธอบอกว่ามีทั้งกระแสที่สนับสนุนรวมไปถึงไม่เห็นด้วยที่เธอจะลงประกวดอีกครั้ง แต่เธอเลือกจะมองในมุมบวกมากกว่าลบ โดยได้กำลังใจจากกลุ่มแฟนคลับที่รวมตัวกันเป็น “ครอบครัวแอนโทเนีย” คอยส่งพลังและกำลังใจให้เธอก้าวผ่านคำครหา
“แอนไม่คิดว่ามีคนที่จะสนับสนุนซัพพอร์ตแอนเยอะขนาดนี้ ตอนแรกแอนไม่รู้ว่าด้อมคืออะไร (หัวเราะ) พอเปิดมาแล้วมีหลายๆ คนเข้ามา แอนช็อกมากว่าคนรักแอนมากขนาดนี้เลยหรอ เขารักแอนมาก เขาซัพพอร์ตแอนมาก ก็ต้องขอบคุณเขามากๆ เลยที่ป้องกันแอน ซัพพอร์ตแอน ส่งความรักให้แอน แล้วก็ทำมีมให้แอนด้วย เป็นอีกวิธีหนึ่งที่เขาทำให้แอนมีรอยยิ้มตอนเช้า”
“เราเป็นครอบครัวที่ถ้าทำอะไรผิดก็จะบอก แชร์ความรัก การสนับสนุน ซัพพอร์ตทุกอย่างที่จะเอาพลังให้แอนสู้ต่อ เป็นครอบครัวจริงๆ ค่ะ หนูก็บอกตลอดว่า เข้ามาอยู่ในด้อมในครอบครัวของทีมแอนโทเนีย คนในด้อมเป็นพี่น้องกันหมด”
“ต้องขอบคุณจริงๆ เพราะว่าถ้าไม่มีพวกเขา บางครั้งแอนก็ไม่รู้ว่าแอนจะผลักตัวเองไปต่อยังไง ถ้าไม่มีเขาก็อาจจะไม่มีแอนวันนี้ด้วย เรามีความฝันให้เขา ต้องขอบคุณที่ส่งกำลังใจ ที่ป้องกันแอน ที่ส่งความรักมาเสมอ แล้วก็มาเป็นครอบครัวของแอน แล้วก็หวังว่าเราจะไปต่อแล้วก็จะประสบความฝันอันนี้ไปด้วยกัน ไม่ใช่แค่ที่ไทย แต่ที่จักรวาลด้วย แล้วแอนจะทำให้ดีที่สุดให้ทุกคนเห็นว่า แอนเป็นครอบครัวของด้อม แล้วก็เหมือนพี่สาวหรือน้องสาว แอนก็จะทำให้ครอบครัวแอนแฮปปี้ แล้วก็ไปคว้ามงสามกลับมาให้ทุกคน (ยิ้ม)”
“ตอนแอนมาประกวด MUT แอนก็คิดไปถึง MU แล้วค่ะ เพราะว่ามันเป็นขั้นต่อไปที่เราไม่ควรหยุดแค่ตรงนี้ เราควรไปถึงที่สุดที่เราทำได้ แล้วแอนจะทำให้ดีที่สุด ทำให้มากที่สุด จะพยายามมากที่สุด แล้วก็พัฒนาตัวเองทุกวัน เพื่อที่จะเป็นคนที่ชนะ MUT ที่จะไปคว้ามงที่สามให้คนไทยค่ะ” แอนโทเนีย กล่าวด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นและแววตาที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นอย่างเห็นได้ชัด ถึงเป้าหมายในเส้นทางนางงามของเธอในครั้งนี้